0

Review
2022-02-21 18:16:57
Q&A เลี้ยงลูกให้หายสงสัยสไตล์คุณหมอประเสริฐ รีวิวโดย เพจ NidNok
หนังสือคุณหมอประเสริฐอีกแล้ว 555 หลังๆ ไม่ได้มีรวมเล่มข้อเขียนคุณหมอเรื่องหนังเรื่องการ์ตูนและอื่นๆ แล้วเนาะ (ทั้งที่จริงๆ คุณหมอเขียนสนุกมาก) เทไปที่เรื่องการเลี้ยงเด็ก จิตวิทยาเด.....
Share

หนังสือคุณหมอประเสริฐอีกแล้ว 555 หลังๆ ไม่ได้มีรวมเล่มข้อเขียนคุณหมอเรื่องหนังเรื่องการ์ตูนและอื่นๆ แล้วเนาะ (ทั้งที่จริงๆ คุณหมอเขียนสนุกมาก) เทไปที่เรื่องการเลี้ยงเด็ก จิตวิทยาเด็ก EF ไรพวกนี้ทั้งนั้นเลย กระจายตัวไปทุกสำนักพิมพ์ รอบนี้เวียนมาที่ SandClocks สำนักพิมพ์ที่รันวงการหนังสือ parenting ช่วงนี้ ก็ถือว่าถูกฝาถูกตัว


อ่านเพจคุณหมอตั้งแต่ยังไม่มีลูก พอมีก็ลามมาอ่านหนังสือ ได้เคยไปฟังคุณหมอพูด ทุกครั้งที่เสพงานคุณหมอ ก็พอจะจับทางได้ว่า เอาเข้าจริงแล้ว message ที่คุณหมอต้องการจะสื่อ หรือหลักการของคุณหมอแกมันมีแค่นั้นแหละ พูดกี่ครั้ง เขียนกี่รอบ ก็จะวนอยู่ในหลักการนี้ แกเป็นคนชัดเจนและหนักแน่นในแนวทางมาก อันนี้นับถือ


แต่ถึงอย่างนั้น พอมีเล่มใหม่ออกมา เราก็ยังอยากอ่านอยู่ดี สิ่งที่อยากเสพจากหนังสืออาจไม่ใช่แนวทางเลี้ยงลูกเท่าไหร่ เพราะเราว่าเราก็พอจะเข้าใจหลักการของคุณหมออยู่พอสมควร แต่สิ่งที่โหยหาและอยากได้ คือการได้ยินน้ำเสียงของคุณหมอผ่านตัวหนังสือ คือแกเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เราพึ่งพาได้ เป็นคนใจดี แต่เอาจริงและหนักแน่น เป็นคนแก่ที่มีเมตตา (เอีะ ถ้าคุณหมอได้อ่านจะเคืองไหมเราเขียนว่าแกแก่ 555) แกอยากให้ทุกคนพ้นทุกข์ อยากช่วยจากใจจริง และพยายามช่วยจากต้นเหตุของปัญหาด้วย ไม่ใช่แค่ลูบหน้าปะจมูก แต่แกไม่สปอยล์ ไม่เพ้อฝัน พูดกันตามเนื้อผ้า ตามความจริง


แม้แกจะกำลังให้คำแนะนำเรื่องการเลี้ยงลูก แต่บางข้อความในหนังสือก็ทำเราหัวเราะก๊ากขึ้นมา ได้ยิ้มน้อยๆ กับมุกน่ารักของแก และบางช่วงก็ทำเอาน้ำตารื้นได้ จึงถือเป็นประสบการณ์การอ่านที่ดี


ข้อดี ที่อาจจะเป็นข้อเสียของหนังสือเล่มนี้ คือมันเป็นการรวบรวมคำถามที่ทางบ้านส่งไปถามคุณหมอ และคุณหมอได้ตอบ ซึ่งแกก็จะมีการโพสบางคำถามขึ้นบนหน้าเพจเป็นประจำอยู่แล้ว มันเลยอาจเป็นข้อเสียที่ทำให้หนังสือขายยาก เพราะคนคิดว่า ปกติอ่านในเพจฟรีก็ดีอยู่แล้ว แต่สำหรับเรา เราว่าเป็นข้อดี เพราะการได้ตีพิมพ์มันคือหลักฐาน มันจับต้องได้ ค้นหาได้ มีไว้ก็อุ่นใจ สงสัยก็อ่านซ้ำ เพราะเฟซบุ๊กมันไม่ได้มีระบบไดเร็คทอรีให้สืบค้นได้ง่ายขนาดนั้น การที่หนังสือเขาเรียบเรียงอย่างเป็นระบบไว้ให้แล้วจึงเป็นเรื่องดี


และการตีพิมพ์ ที่ผ่านการบรรณาธิการ ผ่านการตรวจสอบและทวนซ้ำ มันทำให้ข้อความที่อยู่ในนั้นมันหนักแน่นขึ้น และคนอ่านอยากเราจะรู้ได้ว่า เพราะมันสำคัญ มันถึงได้ถูกเลือกมาตีพิมพ์ ไม่ต้องสงสัยเลย


การอ่านงานเขียนคุณหมอในรูปแบบ ถามมา - ตอบไป ก็ดีไปอีกแบบ อย่างเล่มอื่นจะเป็นการเขียนบรรยายเป็นหัวข้อๆ ไล่ไปตามหลักการ แต่พอเป็นแนวคำถาม มันดูจับต้องได้ขึ้นมาน่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง บางเรื่องเราก็เจอ เราเลยมีประสบการณ์ร่วมได้ง่าย และเราจะกะตือรือร้นอยากอ่านคำตอบ อยากรู้ว่าคุณหมอจะตอบอะไร บางทีก็เดาก่อนว่าแกน่าจะตอบแบบนี้แน่ๆ นั่นจึงทำให้อ่านเล่มนี้จบในเวลาสองชั่วโมงเศษ เป็นการอ่านด้วยสปีดของคนขี้เสือก 555


หนังสือจะแบ่งเป็นสามส่วนตามช่วงวัยของเด็ก คือเด็กแรกเกิดจนอนุบาล, เด็กประถม, และเด็กวัยรุ่นขึ้นไป แต่ละช่วงวัยเขาก็จะไล่เรียงแนวคำถามที่เกี่ยวเนื่องไว้ใกล้ๆ กัน คือเป็นหมวดหมู่แบบหลวมๆ อ่านเพลินๆ


คำแนะนำคือ อ่านให้จบ ต่อให้มีลูกเล็ก หรือยังไม่คลอด หรือยังไม่มีลูก ก็ควรค่าแก่การอ่านให้ครบทุกหมวด ยิ่งคนที่มีลูกเล็กยิ่งได้เปรียบ อ่านให้จบเลย เพราะแต่ละช่วงมันเหมือนเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน เมื่ออ่านจนจบครบทุกช่วงวัย เราจะเห็นว่าคำแนะนำของคุณหมอสำหรับการเลี้ยงลูกวัยเด็กเล็กมีน้ำหนักขึ้นมามาก และเราจะมีแรงพลังฮึบๆ สู้กับช่วงวัยสำคัญนี้ ที่จะวางรากฐานชีวิตของลูกให้ดีเท่าที่กำลังเราจะทำได้


สิ่งที่ชอบที่สุดเวลาอ่านข้อเขียนของคุณหมอ คือแม้ทุกคนจะยกเอาคุณหมอเป็นที่พึ่ง เป็นพระเจ้า เป็นไอดอล แต่น้ำเสียงคุณหมอจะดูถ่อมตัว และแกจะย้ำเสมอว่า แกมีหน้าที่ให้หลักการ แต่ที่เหลือ โตๆ กันแล้ว คิดเองได้ ตัดสินใจเอง ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ต้องการ ไม่มีเพอร์เฟ็คต์ มีแต่ความสมบูรณ์แบบในระดับที่รับได้ นั่นแหละ สุดท้ายเราก็ต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของเราเอง


ดีเลย ชวนอ่าน และคิดว่าเป็นหนังสือที่ไม่ควรส่งต่อเมื่ออ่านจบ เก็บไว้ก็ได้ อ่านซ้ำไป ลูกโตขึ้นกลับมาอ่านก็คงได้ความรู้สึกอีกอย่าง สนใจปัญหาอีกแบบ ติดชั้นหนังสือที่บ้านไว้ก็ไม่เปลืองที่ จะว่าไปหนังสือเลี้ยงลูกนี่ก็ไม่เคยส่งต่อเลย เก็บไว้ทุกเล่ม บางทีก็หยิบมาอ่านบทสองบทแล้วก็เก็บ มีหนังสือไว้อุ่นใจกว่า เป็นนิสัยไปแล้